Html แบบฟอร ม ข ดเส นใต ข อความ

เผยแพร่: 15 ก.พ. 2561 18:51 โดย: MGR Online

เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – เอกสารภายในทำเนียบขาวชี้ มีเจ้าหน้าที่ตำแหน่งทางการเมืองทำงานให้กับผู้นำสหรัฐฯอย่างน้อย 130 คนไม่ได้รับใบอนุญาตถาวรในการเข้าถึงชั้นความลับสูงสุดเมื่อเดือนพฤศจิกยน 2017 หรือหลังทรัมป์ทำงานไปแล้วร่วม 10 เ ดือน รวมไปถึงจาเรด คุชเนอร์ ลูกเขยและที่ปรึกษาระดับสูงของทรัมป์ และอิวังกา ทรัมป์บุตรสาวคนโตผู้นำสหรัฐฯ ถือเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่มีเจ้าหน้าที่ทำงานในคณะทำงานผู้นำสหรัฐฯจำนวนมากเท่าที่เคยปรากฎมาที่ไม่ได้รับอนุญาตเช่นนี้

NBC NEWS สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(15 ก.พ)ว่า ในเอกสารภายในทำเนียบขาวที่สื่อสหรัฐฯได้รับระบุอย่างชัดเจนว่า มีเจ้าหน้าที่ทำงานในปีกเวสต์วิงทำเนียบขาวของผู้นำสหรัฐฯ มีจำนวนกว่าร้อยคน รวมไปถึงลูกสาวและลูกเขยของทรัมป์ไม่ได้รับอนุญาต “อย่างถาวร” ให้เข้าถึงชั้นความลับสหรัฐฯเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 ซึ่งคนอื่นไม่ได้รับอนุญาตอาจจะไม่สำคัญเท่ากับว่า เหตุใดลูกสาวทรัมป์ อิวังกา ทรัมป์ และจาเรด คุชเนอร์ ลูกเขยจึงยังไม่ได้รับอนุญาตในระยะเวลาที่นานร่วม 10 เดือนขนาดนั้น

ทั้งนี้ทำเนียบขาวได้ชี้แจงในวันพุธ(14)ว่า ไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องนี้ได้ เพราะถือเป็นเรื่องปิดลับเมื่อมีเกี่ยวข้องกับการอนุญาตให้บุคคลสามารถรับรู้ความลับรัฐบาลได้ ส่วนสื่อ CNN สหรัฐฯรายงานเมื่อค่ำวันพุธ(14)ว่า ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่ามีความเปลี่ยนแปลงมากน้อยเพียงใดของบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการเมืองร่วมกว่าร้อยคนเหล่านี้นับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ผู้นำสหรัฐฯชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พ.ย 2016 และเขาเข้าสาบานตนรับตำแหน่งเริ่มงานบริหารเมื่อวันที่ 20 ม.ค 2017

และในเอกสารภายในทำเนียบขาวยังระบุว่า ในช่วง 10 เดือนของรัฐบาลชุดทรัมป์ มีเจ้าหน้าที่ได้รับการแต่งตั้งทางการเมืองประจำทำเนียบขาวอย่างน้อย 85 คน รวมไปถึงสำนักงานรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ นั่งทำงานโดยที่ไม่ได้มีสิทธิ์ถาวรที่จะรับรู้ถึงชั้นความลับประเทศ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหญ่

และพบว่ามีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 50 คนทำงานโดยใช้ใบอนุญาตการเข้าถึงชั้นความลับแบบชั่วคราวระหว่างการทำงานให้กับสำนักงานต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับปีกเวสต์วิงทำเนียบขาวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นต้นว่า สภาเศรษฐกิจแห่งชาติ สำนักงานการจัดการและงบประมาณสหรัฐฯ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และ สำนักงานที่พักประธานาธิบดีสหรัฐฯประจำทำเนียบขาว (White House executive residence) เป็นต้น

NBC NEWS ชี้ว่า ในเอกสารภายในยังระบุว่า กลุ่มบุคคลที่ไม่ได้รับใบอนุญาตถาวรเข้าถึงชั้นความลับเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 นอกจาก จาเรด คุชเนอร์ และอิวังกา ทรัมป์แล้ว ยังรวมไปถึง แดน สคาวิโน(Dan Scavino) ผู้อำนวยการด้านโซเชียลมีเดียของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ คริสโตเฟอร์ ลิดเดล(Christopher Liddell) ผู้ช่วยต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯด้านโครงการริเริ่มทางยุทธศาสตร์

แต่ทว่าพบว่าคนทั้ง 4 ถือใบอนุญาตชั่วคราวในการเข้าถึงชั้นความลับแทน โดยอนุญาตให้เข้าถึงสำหรับข้อมูลความลับที่ถูกระบุว่า “ความลับสุดยอด” และ TS/SCI ที่ย่อมาจาก ความลับสุดยอด/ข้อมูลอ่อนไหว(Sensitive compartmented information (SCI)

และพบว่ามีเจ้าหน้าที่ทั้งหมด 34 คนที่ได้เริ่มงานในคณะรัฐบาลทรัมป์ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค 2017 หรือวันแรกที่ทรัมป์เริ่มทำงาน พบว่ายังคงติดอยู่ในการถือใบอนุญาตชั่วคราวเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาวคนปัจจุบัน สื่อสหรัฐฯชี้

นอกจากนี้เมื่อมองในส่วนของสภาความมั่นคงสหรัฐฯ พบว่ามีเจ้าหน้าที่ 10 คนจากทั้งหมด 24 คน หรือราว 42% ยังคงถือใบอนุญาตชั่วคราวเข้าถึงชั้นความลับเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม NBC NEWS รายงานว่า ผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายชี้ว่า การที่ไม่สามารถได้รับอนุญาตถาวรในการเข้าถึงชั้นความลับไม่ใช่เป็นเพราะมีปัญหาในประวัติภูมิหลัง เป็นต้นว่า ร็อบ พอร์เตอร์ ซึ่งถูกแฉว่ามีปัญหาในด้านการซ้อมอดีตภรรยาถึง 2 คนและไม่ได้รับอนุญาตถาวรเพื่อเข้าสู่ชั้นความลับถึงแม้ว่าตามตำแหน่งของเขาคือ เลขานุการคณะเจ้าหน้าที่ประจำทำเนียบขาวแล้ว เขาจำเป็นต้องได้รับก็ตาม ซึ่งตามข่าวพบว่า พอร์เตอร์เหมือนเช่นอิวังกา ทรัมป์ และจาเรด คุชเนอร์ ที่ได้ใบอนุญาตชั่วคราวแทน ดิอินดีเพนเดนต์ สื่ออังกฤษรายงานว่า คณะกรรมาธิการสภาล่างสหรัฐฯได้เข้าสอบเรื่องใบอนุญาตชั่วคราวของพอร์เตอร์แล้ว

สื่อสหรัฐฯรายงานต่อว่า ซึ่งระดับชั้นความลับสำหรับเจ้าหน้าที่ทางการเมืองในสหรัฐฯมีตั้งแต่ระดับความลับไปจนถึงความลับสุดยอด และถึงขั้น SCI หรือข้อมูลอ่อนไหวที่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข่าวกรองสหรัฐฯ วิธีการ หรือ การวิเคราะห์ เป็นต้น ซึ่งข้อมูลประเภทนี้ต้องมีการส่งต่อภายในระบบควบคุมอย่างเป็นทางการที่ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ(the Director of National Intelligence)เป็นผู้เสนอ

ทั้งนี้การไม่ได้รับอนุญาตถาวรได้กลายเป็นประเด็นอีกครั้ง เมื่อหนึ่งในคนทำงานให้ทรัมป์ประจำทำเนียบขาวได้ลาออก เพราะพบว่า จอร์จ แบงก์ส(George Banks) ผู้ช่วยพิเศษต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯด้านนโยบายทางเศรษฐกิจต้องยอมลาออกไปในวันพุธ(14) หลังมีรายงานเปิดเผยต่อสาธารณะว่า เขาไม่ได้รับใบอนุญาตถาวรในการเข้าถึงชั้นความลับ

เผยแพร่: 17 เม.ย. 2560 15:08 ปรับปรุง: 17 เม.ย. 2560 17:17 โดย: MGR Online

เอเจนซีส์ - ฮาร์วี เคนยอน-เคร์นส์ (Harvey Kenyon-Cairns) ทารกชาวอังกฤษวัย 3 เดือน ต้องพลาดเที่ยวบินเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกในชีวิตไปยังเมืองออร์แลนโด รัฐฟลอริดา หลังจากถูกสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงลอนดอน ปฏิเสธคำขอในแบบฟอร์มวีซ่าแบบเข้าเมืองโดยไม่ต้องยื่นร้องขอล่วงหน้า หลังตาของหนูน้อยพลาดหนัก! ***ติ๊กถูกในช่องคำถาม “มีความประสงค์เข้าร่วม หรือเคยเข้าร่วมก่อการร้าย จารกรรมลับ ซุ่มโจมตี หรือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” *** ครอบครัวต้องพาฮาร์วีเดินทาง 10 ชม.จากบ้านไปสัมภาษณ์กับกงสุล พลาดเที่ยวบินที่จองไว้ และเสียเงินอีกร่วม 3,000 ปอนด์

หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้ (16 เม.ย.) ว่า ความโกลาหลเกิดขึ้นเมื่อ พอล เคนยอน (Paul Kenyon) วัย 62 ปี ตาของหลานชายทารกวัย 3 เดือน ไม่ตั้งใจ ดันติ๊กถูกในช่องแบบสอบถามแบบฟอร์มวีซ่าสำหรับผู้ที่ได้รับการยกเว้นเข้าอเมริกาให้แก่หลานชาย ส่งผลทำให้ ฮาร์วี เคนยอน-เคร์นส์ (Harvey Kenyon-Cairns) วัย 3 เดือนจากพอยน์ตัน (Poynton) เชสไชร์ (Cheshire) ถูกสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงลอนดอนเข้าใจผิดว่าหนูน้อยอาจเป็นผู้ก่อการร้าย (ฮา) และปฆิเสธการขอวีซ่าในที่สุด

สื่ออังกฤษรายงานว่า ในช่องแบบสอบถามถึงประวัติความเกี่ยวข้องกับการเป็นผู้ก่อการร้าย พบว่า พอล เคนยอน ได้ตอบรับในช่องคำถามประวัติว่าผู้ร้องขอ “มีความประสงค์เข้าร่วม หรือเคยเข้าร่วมก่อการร้าย จารกรรมลับ ซุ่มโจมตี หรือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”

ในการให้สัมภาษณ์ เคนยอนกล่าวอย่างมึนงงว่า “ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขามองไม่เห็นว่าเป็นความผิดพลาดแบบไม่ตั้งใจ และทารกวัย 3 เดือนนั้นไม่สามารถทำอันตรายต่อใครได้” เคนยอนวัย 62 ปีกล่าว

และเพื่อจะทำให้ประสบการณ์เดินทางของหนูน้อยฮาร์วียังคงเป็นไปตามกำหนด ทั้งครอบครัวตัดสินใจนำตัวฮาร์วีจากบ้านของเขาเดินทางในระยะทางไปและกลับร่วม 10 ชม. ซึ่งเป็นระยะเวลาที่นานกว่าการเดินทางจากเมืองแมนเชสเตอร์ไปยังเมืองฟลอริดาเสียอีก เพื่อนำตัวให้กงสุลสหรัฐฯ ในกรุงลอนดอนได้ทำการสัมภาษณ์เบบี้ฮาร์วี เคนยอน-เคร์นส์ อย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ความเป็นเด็กดีของหลานชายที่ไม่มีร้องสักแอะ ทำให้เคนยอนต้องกล่าวออกมาอย่างชื่นชมว่า “หนูน้อยฮาร์วีเป็นเด็กดีมากสำหรับการเข้ารับการสัมภาษณ์ และไม่มีร้องไห้สักครั้ง ซึ่งในตอนแรกผมคิดจะให้ไอ้ตัวเล็กสวมชุดสีส้มนักโทษเข้าไป แต่ไม่ดีกว่า”

ตาของฮาร์วีกล่าวต่ออย่างมีอารมณ์ว่า “พวกเขาไม่มีแม้แต่อารมณ์ขัน และยังมองไม่เห็นในด้านบวกอีก”

พอล เคนยอน ยังได้ยืนยันในความบริสุทธิ์ของฮาร์วีต่อว่า “แน่นอนที่สุด หลานชายผมไม่เคยเกี่ยวข้องกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ลอบจารกรรม แต่เขาซุ่มโจมตีในช่วงระหว่างนอนกลางวันบางครั้ง แต่ผมไม่ได้เปิดเผยถึงความลับพวกนี้ต่อสถานทูตสหรัฐฯ”

การถูกปฏิเสธวีซ่าของฮาร์วี ทำให้คุณตาของหนูน้อยต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกถึง 3,000 ปอนด์ เนื่องมาจากวีซ่าใหม่สำหรับฮาร์วีไม่ได้เดินทางมาถึงในกำหนดเวลาขึ้นบิน

เดอะการ์เดียนรายงานว่า ในที่สุดฮาร์วีเดินทางไปยังรัฐฟลอริดาพร้อมกับคุณพ่อ จอห์น เคร์นส์ (John Cairns) วัย 31 ปี และคุณแม่ เฟย์ เคนยอน-เคร์นส์ (Faye Kenyon-Cairns) วัย 27 ปี ไม่กี่วันหลังจากที่คุณตา พอล เคนยอน พร้อมคุณยาย แคธี (Cathy) วัย 57 ปี และหลานสาว เอวา (Ava) บินล่วงหน้าไปก่อน